วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่17

บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วัน/เดือน/ปี  28 เมษายน พ.ศ.2558
ครั้งที่ 17 กลุ่มเรียน 104
เวลาเข้าเรียน 12:20 – 15:50 น. ห้อง 435(จษ) อาคาร 4

     วันนี้เป็นวันปิดคอร์ส เรียนวันสุดท้าย มีการสอบร้องเพลงเป็นรายบุคคล 1 เพลง คะแนนเต็ม 5 คะแนน  ซึ่งอาจารย์จะจับฉลากเลขที่ ได้เลขที่คนไหนให้ออกมาจับฉลากเพลง และร้องเพลงนั้น โดยกติกา มีดังนี้
     1.เมื่อจับได้เพลงไหน ถ้าร้องไม่ได้ต้องการเปลี่ยนสามารถจับฉลากเพลงใหม่ได้ 1 ครั้ง
     2.ให้เพื่อนร้องเพลงให้ฟังได้ 1 ครั้ง
     3.ขณะร้องสามารถดูเนื้อเพลงได้
     กติกาข้างต้นที่กล่าวมา ถ้าใช้ตัวช่วยเหล่านี้ คะแนนก็จะลดลงมา แต่ถ้าคนไหนที่ไม่ใช้เลยก็จะได้ 5 คะแนนเต็ม (ขณะร้องให้เคาะแทมมารีน หรือเครื่องเคาะจังหวะด้วย)

ขณะที่เพื่อนๆออกไปสอบร้องเพลง
เพลงที่ดิฉันจับฉลากได้ คือ
เพลง จ้ำจี้ดอกไม้
จ้ำจี้ดอกไม้ ดาวเรือง หงอนไก่
จำปี จำปา มะลิ พิกุล
กุหลาบ ชบา บานชื่น กระดังงา
เข็ม แก้ว ลัดดา เฟื่องฟ้า ราตรี

     หลังจากสอบร้องเพลงครบทุกคนแล้ว อาจารย์สอนเกี่ยวกับการเขียนแผน IEP เมื่อสอนเสร็จให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ในกลุ่มช่วยกันระดมความคิดในการเขียนแผน IEP

โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล 
(Individualized Education Program)
แผน IEP
  • แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
  • เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
  • ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
  • โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก
การเขียนแผน IEP
  • คัดแยกเด็กพิเศษ
  • ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
  • ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
  • เด็กสามารถทำอะไรได้ / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
  • แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP
IEP ประกอบด้วย
  • ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
  • ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
  • การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
  • เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
  • ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
  • วิธีการประเมินผล 
ประโยชน์ต่อเด็ก
  • ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
  • ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
  • ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
  • ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
ประโยชน์ต่อครู
  • เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
  • เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
  • ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
  • เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก 
  • ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ 
ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
  • ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
  • ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
  • เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน
ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
1. การรวบรวมข้อมูล
  • รายงานทางการแพทย์
  • รายงานการประเมินด้านต่างๆ
  • บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
2. การจัดทำแผน
  • ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
  • กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
  • กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
  • จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
   การกำหนดจุดมุ่งหมาย
  • ระยะยาว
  • ระยะสั้น 
   จุดมุ่งหมายระยะยาว
  • กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง 
     –น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
     –น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
     –น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้
   จุดมุ่งหมายระยะสั้น
  •  ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
  • เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
  • จะสอนใคร
  • พฤติกรรมอะไร
  • เมื่อไหร่ ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
  • พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน
          - ใคร                            อรุณ 
          - อะไร                          กระโดดขาเดียวได้ 
          - เมื่อไหร่ / ที่ไหน        กิจกรรมกลางแจ้ง 
          - ดีขนาดไหน               กระโดดได้ขาละ 5 ครั้ง ในเวลา 30 วินาที
3. การใช้แผน
  • เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
  • นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
  • แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
  • จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
  • ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง 
          1.ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
          2.ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
          3.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
4. การประเมินผล 
  • โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
  • ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล
** การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรมอาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน**

การจัดทำ IEP

ตัวอย่าง
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
(Individualized Education Program: IEP)


งานกลุ่ม
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
(Individualized Education Program: IEP)

สมาชิกกลุ่มเรียน 104

การนำไปประยุกต์ใช้
     การเขียนแผน IEP ไปประยุกต์ในการเขียนแผนเด็กปกติได้
การประเมินผล
  • การประเมินตนเอง - การแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกระเบียบ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจฟังและจดบันทึกเนื้อหาเพิ่มเติม และตั้งใจสอบร้องเพลง ทั้งให้ความร่วมมือในการทำงานกลุ่มให้เสร็จ
  • การประเมินเพื่อน - การแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกระเบียบ เพื่อนๆเฮฮากันตลอด ทุกคนตั้งใจสอบร้องเพลง และจดบันทึก พร้อมทั้งร่วมตอบคำถามต่างๆ
  • การประเมินอาจารย์ - การแต่งกายสะอาดสุภาพ พูดจาไพเราะ เป็นกันเอง พูดคุยสนุกสนาน สอนเนื้อหาเข้าใจง่าย ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนแผน IEP

1 ความคิดเห็น: