วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่3

บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วัน/เดือน/ปี  19 มกราคม พ.ศ.2558
ครั้งที่ 3 กลุ่มเรียน 104
เวลาเข้าเรียน 12:20 – 15:50 น. ห้อง 435(จษ) อาคาร 4

     อาจารย์ทบทวนการร้องเพลง โดยให้ร้องเพลงหนึ่งรอบก่อนเข้าเนื้อหา ซึ่งความรู้ที่ได้รับในวันนี้ มีดังนี้
รูปแบบการจัดการศึกษา
  • การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
  • การศึกษาพิเศษ (Special Education) เชื่อว่ามีในไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
  • การศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
  • การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
     เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)

  • การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป
  • มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกัน
  • ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
  • ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน
การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
  • การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา อาจจะเข้ามาวิชา พละ, ศิลปะ, ดนตรี
  • เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
  • เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้
การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)
  • การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
  • เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
  • มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกัน และมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
  • เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง ท่ามกลางความแตกต่างกัน มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
  • การศึกษาสำหรับทุกคน
  • รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา (ต่างจากเรียนร่วม)
  • จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
     เรียนร่วม เด็กพิเศษคนนั้นจะอยู่ในความดูแลของหน่วยงานหรือศูนย์การศึกษาพิเศษ หน่วยงานประสานกับโรงเรียนเพื่อขอให้เด็กเรียนร่วมกับเพื่อนๆ
     เรียนรวม เด็กพิเศษเข้ามาในโรงเรียนเลยตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ได้อยู่ในสังกัดของหน่วยงาน หรือศูนย์การศึกษาพิเศษ
     Wilson, 2007 ได้ให้ความหมายไว้ว่า การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน ซึ่งเน้นวิถีชีวิตการเป็นอยู่ในสังคม ทำให้สังคมดีขึ้น เริ่มต้นจากครอบครัว ในห้องเรียน และกิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้
     มีผลงานวิจัยออกมาว่า การศึกษาพิเศษ และการศึกษาแบบเรียนรวม ผลที่ออกมาเด็กมีพัฒนาการเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่การศึกษาแบบเรียนรวมเด็กจะมีทักษะทางด้านสังคม การใช้ภาษาร่วมกับเพื่อน
สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
  • เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
  • เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการของเขา
  • เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน (Education for all)
  • การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
  • เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก (โรงเรียนไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเด็ก)
  • เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียน ทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ "รวมกัน" ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุคนยอมรับซึ่งกันและกัน
  • ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ โดยไม่มีการแบ่งแยก
ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย (เป็นการศึกษาขั้นเริ่มต้น)
  • ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
  • "สอนได้" (เป็นวัยที่สอนได้ง่าย) 
  • เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด ความหมายของประโยคที่ขีดเส้นใต้ คือ สิ่งที่มาขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ต้องน้อยที่สุด
     หลังจากเรียนเสร็จท้ายคาบอาจารย์แจกกระดาษให้คนละ 1 แผ่น ตอบคำถามทบทวนความรู้ที่ได้เรียนไป มีทั้งหมด 3 ข้อ โดยห้ามดูในชีส
การนำไปประยุกต์ใช้
     สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเป็นแนวทางในการจัดการศึกษาให้เด็กทั้งปกติและเด็กพิเศษ การจัดแบบเรียนรวมเน้นวิถีชีวิตการเป็นอยู่ในสังคม ทำให้สังคมดีขึ้น เริ่มจากในห้องเรียน จัดกิจกรรมที่เน้นให้เด็กได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฯลฯ
การประเมินผล
  • การประเมินตนเอง - การแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกระเบียบ เข้าห้องเรียนตรงต่อเวลา สนุกสนานเฮฮาที่อาจารย์สอนให้ทำท่าทางในการปรบมือร้องเพลง เวลาเรียนตั้งใจฟังขณะที่อาจารย์สอนและจดบันทึกรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมนอกเหนือจากในชีส และตั้งใจทำกระดาษตอบคำถามท้ายคาบด้วยตนเอง
  • การประเมินเพื่อน - การแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกระเบียบ เพื่อนๆเฮฮากันตลอด หัวเราะไม่หยุดทำให้บรรยากาศในห้องไม่ตึงเครียดรู้สึกชอบผ่อนคลาย ตอนร้องเพลงทุกคนจำทำนองจังหวะได้และดูทุกคนตั้งใจปรบมือให้ความร่วมมือกันอย่างสามัคคี ผลงานที่ออกมาได้รับคำชม
  • การประเมินอาจารย์ - การแต่งกายสะอาดสุภาพ พูดจาไพเราะ เป็นกันเอง พูดคุยสนุกสนาน มีการสอนเทคนิคการปรบมือให้ดูดีมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง และการสอนอาจารย์อธิบายละเอียด ทำให้รู้ว่า เรียนรวมกับ เรียนร่วมนั้นความหมายต่างกัน และมีการแชร์เล่าประสบการณ์ต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น